เลื่อนลงล่าง
ตั๋วฟรีครับบ
รถไฟมาแล้วววว
ถึง
สังขละบุรี เป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ห่างจากตัวเมืองประมาณ 215 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากอำเภอ ทองผาภูมิ 74 กิโลเมตร เมืองชายแดน แห่งนี้ รายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขาอันเขียวขจี มีแม่น้ำซองกาเลียจากต้นกำเนิดในประเทศพม่าไหลพาดผ่าน อำเภอสังขละบุรีหล่อเลี้ยงผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำและเชื่อมสัมพันธ์ชนชาติมอญทั้งสองประเทศ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม่น้ำซองกาเลียจึงเป็นชื่อเรียก จากภาษามอญแปลเป็น ไทยว่า“ฝั่งโน้น” แม่น้ำซองกาเลียแบ่งแผ่นดินอำเภอสังขละบุรีออกเป็น สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือตัวอำเภอ ซึ่งรวม สถานที่ราชการและสถานที่พัก สำหรับ นักท่องเที่ยว ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่พูดภาษาไทย ภาคกลางส่วน อีกฝั่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านของชาวมอญทั้งที่ตั้งรกราก มานานนับร้อยปีและเพิ่งอพยพเข้ามาใหม่สังขละบุรีเมืองที่ มีความงามหลากหลาย ทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ ทั้งมอญ กระเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า ฯลฯ อำเภอสังขละบุรีมีชาวมอญอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวอำเภอตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า"สามประสบ" คือบริเวณ ที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบิคลี่ และห้วยรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นของแม่น้ำแคว เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าอันอุดม เมืองที่มีความงาม หลากหลายทางเชื้อชาติ และวัฒนธรรมพี่น้องต่า เผ่าพันธุ์ ทั้งมอญ กระเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า ฯลฯ
ถึงแล้ว สะพานมอญ
.สะพานมอญ
"สะพานไม้อุตตมานุสรณ์" หรือที่ เรียกกันว่า "สะพานมอญ”เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศ มีความยาวประมาณ ๑ กม. หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ดำเนินการสร้าง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนไทย กะเหรี่ยงและมอญได้สัญจรไปมาหาสู่กันเพื่อเป็นการสร้าง ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามกลุ่มสะพานมอญเป็นจุดท่องเที่ยวที่เรียกว่า กลายเป็นสัญลักษณ์ของสังขละบุรีไปแล้ว นักท่องเที่ยวจะ นิยมเดินชมสะพานเพื่อชมแสงสีทองของพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า รวมถึงชมวิถีชีวิตของชาวไทย และมอญที่เดินข้ามไปมาหากันบน สะพานแห่งนี้ค่อนข้างจะคึกคักมากในช่วงเช้า สะพานมอญแห่งนี้บูรณะซ่อมแซมมาหลายครั้ง และครั้งล่าสุดก็ได้รับบูรณะ ครั้งใหญ่อีกครั้งหลังจากที่โดนน้ำซัดเสียหายเมื่อปี 2557
เช็คอินเข้าห้องกัน สิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราต้องมีคือที่ซุกหัวนอนคะ5555 เพื่อนเรารอบคอบ จองที่พักไว้แล้ว ที่พี เกสต์เฮาส์ คันทรี : P. Guest House Country เราเลือกห้องรวม 900฿ (เตียง6เตียง ) พอดีตอนแรกเราไปกัน5 คนเลยเลือกห้องรวม เพื่อนดันมายกเลิกไป1 เลยนอนห้องรวม กันแค่4 คนแบบเหลือๆไปเลย 5555 (ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมนะคะ มี3ห้องน้ำ เราอยุ่ห้องชั้น2 คือที่พักนี้โอเคเลยนะสำหรับเรา วิวโครตดี อยากอยุ่ต่อหลายวันเลย เสียดายเวลาเร่งรีบ555 // จากนั้นก็เช่ารถของที่พักไป2คัน คันละ200฿ มัดจำคันละ100฿ ถ้าเติมน้ำมันคืนเต็มถังเหมือนเดิมจะได้ตังค์คืน ถ้าไม่หักตามที่น้ำมันเสียไปคะ เราเจอไปคันละ 20 30฿ จากนั้นยังไม่เย็นมา เราแว่นไปเซอเวย์ที่สะพานกันก่อนเลย เผื่อ พน เช้าตื่นสาย
เช้าแล้ว ไปทำบุญกันดีกว่า
หิวจ้ะ ต้องร้านนี้เลย โจ้กใส่ไข่ 25฿ กาแฟ โอวัลตินร้อนแก้วละ15฿ ปาท่องโก๋ ตัวละ5฿
ล่องเรืองกันดีกว่า
ไหว้พระกันสักหน่อย
เมืองบาดาล
ในอดีตเป็นวัดวังก์วิเวการามเดิมที่หลวงพ่ออุตตมะและชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยง และมอญได้ร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อ ปี พ.ศ. 2496 ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำ รันตี ไหลมาบรรจบกัน ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลมทำให้น้ำท่วมตัวอำเภอสังขละบุรี เก่ารวมทั้งวัดนี้ ด้วย หลวงพ่อจึงได้ย้ายมาสร้างวัดมาอยู่บน เนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานาน นับสิบปี ใน ช่วงฤดูแล้งราวเดือนมีนาคม-เมษายน น้ำจะลดจนตัวโบสถ์โผล่พ้นน้ำทั้งหมด สามารถนั่งเรือ และขึ้นไปเดินเที่ยวชมโบสถ์ได้ ท่านสามารถล่องเรือชมบรรยากาศสองริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งจะพบวิถีการดำเนินชีวิตของ ชาวมอญ และเห็น ยอดเจดีย์พุทธคยาระหว่างการล่องเรือ ในช่วงน้ำมาก น้ำจะท่วมสูงเกือบทั้งหมด เหลือเพียงยอดของโบสถ์เท่านั้น ที่โผล่ให้เห็น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมีเสน่ห์จนกลายเป็นแหล่ง ท่องเที่ยว Unseen Thailand ในชื่อ เมืองบาดาล