“ดอยหลวงเชียงดาว”

“ดอยหลวงเชียงดาว” ถ้ายังเดินได้ แนะนำว่าต้องไป

ออกเดินทางกับเพื่อนๆนับ 10 คน ขี่มอเตอร์ไซด์ไปเรื่อยจากตัวเมืองเชียงใหม่ ในใจก็แอบคิดว่า จุดหมายปลายที่เราจะไปนั้น หน้าตาเป็นอย่างไร?

ชื่อสถานที่ปลายทาง ณ ตอนนั้นยังไม่รู้เลย ไปแบบไม่รู้อะไรเลย
มานั่งคิดอีกที ไปแบบนี้ก็ตื่นเต้นและสนุกดี

เส้นทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวที่อนุญาติให้ขึ้นมี 2 เส้นทาง

1. เส้นทางเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง เดินสบายที่สุดแต่ต้องเช่ารถขึ้นไปส่งค่อนข้างไกลใช้เวลานั่งรถไปถึงจุดเริ่มเดินเท้าประมาณ ชั่วโมงครึ่ง เป็นเส้นทางที่นิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากตลอดเส้นทางไม่ชันมาก แต่ถือเป็นเส้นทางที่ไกลที่สุดจากจุดเริ่มต้นขึ้นไป ถึงยอดดอยประมาณ 8.5 ก.ม. การเดินเท้าเริ่มที่เด่นหญ้าขัด(หน่วยฯขุนห้วยแม่กอก) มีจุดพักแรมระหว่างทางที่ดงท้อและปลายทาง ที่อ่างสลุงระหว่างทางจะมีทั้งพันธุ์ไม้ทั่วไป และพันธุ์ไม้หายาก

2. เส้นทางปางวัว-อ่างสลุง ระยะทางประมาณ 6.5 ก.ม.เส้นทางค่อนข้างชันในช่วงแรก เริ่มที่ปางวัว(บ.นาเลาใหม่)มีจุดพักแรม ระหว่างทางที่ดงไผ่หกและปลายทางที่อ่างสลุง รถเก๋งนั้นนำไปจอดฝากไว้ที่ สนง.เขตฯเชียงดาวได้

โดยทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่สามแยก หลังจากนั้นเดินต่อไปยังเส้นทางเดียวกันไปอ่างสลุงซึ่งเป็นจุดกางเต้นท์

เส้นทางทั้งสองเส้นสามารถใช้บริการรถกระบะท้องถิ่นไปยังจุดเริ่มต้นเดินเท้าเส้นทางรถเด่นหญ้าขัดเป็นทางลูกรังรถรับจ้าง จะราคาแพงกว่าเส้นทางปางวัวซึ่งเป็นถนนราดยาง .ติดต่อได้ที่คุณโย 086 191 6149 ค่าบริการรถเส้นเด่นหญ้าขัดเที่ยวละ 1200 บาท เส้นปางวัวเที่ยวละ 600 บาท
ส่วนรถเก๋งนั้นนำไปจอดฝากไว้ที่ สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เชียงดาว

การเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวเพื่อให้เก็บบรรยากาศได้ครบแบบไม่เหนื่อยจนเกินไปควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน
การท่องเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวมีหลายแบบ ตั้งแต่เที่ยวด้วยตัวเอง โดยติดต่อลูกหาบและรถรับจ้างและจัดการเรื่องอาหารเอง ซึ่งก็จะประหยัด ค่าใช้จ่ายได้เยอะ หรือใช้บริการทัวร์ท้องถิ่นในอำเภอเชียงดาวให้จัดทริปให้ ซึ่งมีให้บริการอยู่หลายเจ้า หรือจะใช้บริการทัวร์เดินป่าที่ให้บริการจากกรุงเทพซึ่งให้บริการหลายเจ้าก็จะสะดวกเพราะทัวร์จะจัดการทุกอย่างให้หมด
ดอยหลวงเชียงดาวจำกัดคนเดินทางขึ้นสู่ยอด รับได้ไม่เกิน 150 คน เริ่มด้วยการติดต่อขออนุญาตเข้าเขตฯเชียงดาวล่วงหน้า อย่างน้อย 15 วัน โดยให้เขียนจดหมายที่แจ้งรายละเอียดดังนี้

แจ้งวัตถุความประสงค์ เช่น เพื่อท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ
รายชื่อ-ที่อยู่ของผู้ขออนุญาตและ นทท.ในคณะทุกคน
จำนวนลูกหาบและคนนำทาง
ช่วงวันที่ที่อยู่ในพื้นที่
ส่งไปที่
สนง.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ตู้ ปณ.12 บ.ถ้ำ ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 50170

ทางเจ้าหน้าที่จะใช้รายละเอียดนี้ในการออกใบขอรับใบอนุญาตฯ(ส.ป.7) และให้ไปรับใบอนุญาตฯที่ สนง.เขตฯในวันที่เดินทาง ไปถึง พร้อมกับเสียค่าใช้จ่ายตามนี้

ค่าธรรมเนียมเข้าเขตฯคนละ 20 บ.
ค่าธรรมเนียมนำรถเข้าเขตฯคันละ 30 บ.
ค่าธรรมเนียมตั้งเต็นท์ต่อวันหลังละ 30 บ.
ค่ามัดจำขยะคณะละ 600 บ.(ให้นำขยะกลับลงมาแลกเงินคืนภายหลัง)

ดอยหลวงเชียงดาว สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สูงถึง 2,275 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในสมัยโบราณดอยเชียงดาวถูกเรียกว่า “ดอยอ่างสลุง” ซึ่ง ชาวเชียงใหม่เชื่อกันตามตำนานเมืองเชียงใหม่ว่าเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาพร้อม พระอรหันต์ 8 องค์ทรงลงสรงน้ำในสลุงทองคำหรือบริเวณอ่างสลุงนั่นเอง บางคนเรียกดอยแห่งนี้ว่า “ ดอยหลวง ” เนื่องจากเป็นดอย ที่มีขนาดสูงใหญ่ (“ หลวง ” หมายความว่า “ ใหญ่ ” ) เพี้ยนเป็น“ ดอยหลวงเพียงดาว ” จนกระทั่งกลายมาเป็น “ ดอยหลวงเชียงดาว ” หรือ “ ดอยเชียงดาว ”

ในปัจจุบันประกอบด้วยยอดเขาสำคัญ คือยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร และยังมียอดเขาอีก หลายยอดที่มีความสูงโดดเด่น สามารถชมทิวทัศน์ได้แตกต่างกันออกไป เช่น ดอยกิ่วลมสูงจากระดับน้ำทะเล 2,140 เมตร และดอยเหนือหรือดอยพีระมิดสูงจากระดับน้ำทะเล 2,175 เมตร ดอยหนอกสูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร และดอยสามพี่น้อง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,150 เมตร ยอดเขา ที่อนุญาตให้ขึ้นไปท่องเที่ยวทั้งหมด 2 ยอดด้วยกัน คือ ยอดดอยกิ่วลมซึ่งเหมาะกับการ ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า และยอดดอยสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาว เหมาะสำหรับไปชมพระอาทิตย์ตก

ดอยหลวงเชียงดาว เป็นภูเขาหินปูนล้วนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัยเป็นภูเขาหินปูนที่เกิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน มีอายุ ระหว่าง 230-250 ล้านปี เป็นหมู่หินราชบุรีของไทย ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเล และซากสัตว์ที่มีหินปูน สันนิษฐานว่า พื้นที่ในบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นท้องทะเลมาก่อนที่การตกตะกอนทับถมของซากสิ่งมีชีวิต เช่น ปะการังและหอย เป็นภูเขาที่ไม่มี แหล่งเก็บน้ำ ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ที่นี้มีความพิเศษคือ;มีพรรณไม้แบบที่เรียกกว่า “กึ่งอัลไพน์” แห่งเดียว ในไทย คือ พวกพุ่มไม้เตี้ย ๆ และไม้ล้มลุกเนื่องจากหน้าดินมีน้อย ไม่มีน้ำและอากาศเย็น เป็นพืชแบบแถบหิมาลัย แต่พัฒนาตนเองเป็นพืช เฉพาะถิ่น จึงมีดอกไม้สวย ๆ มากมายที่เราพบได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น และพรรณไม้บางสายพันธุ์มีที่ดอยหลวงเชียงดาว ที่เดียวใน เช่น ค้อเชียงดาว สิงโตเชียงดาว สิงโตขนตาขาว สิงโตตาแดง สิงโตเล็บเหยี่ยว อั้วปากฝอยเชียงดาว งูเขียวปากม่วง รองเท้านารีเมืองกาญจน์ เอื้องนางเทียน นอกจากนั้นยังมีพรรณไม้ที่โดดเด่นทั้งสวย และมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทียนนกแก้ว ที่ให้ดอกเป็นรูปร่างเหมือนนกแก้ว, ค้อเชียงดาวหรือปาล์มรักเมฆ ที่สามารถขึ้นได้ในสภาพหินปูนและ ท้าแรงลมอยู่ตามไหล่เขา ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เหยื่อจงหรือเทียนหมอคา ซึ่งเป็นเทียนที่ใหญ่ที่สุด ชมพูพิมพ์ใจหรือแม้แต่กุหลาบ เลื้อยเชียงดาวหรือศรีจันทรา นอกจากนี้ดอยหลวงเชียงดาวยังเป็น แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์เช่น ผีเสื้อสมิงเชียงดาวไก่ฟ้าหางลายขวาง กวางผาหรือที่ชาวบ้านเรียก กันว่า ”ม้าเทวดา”และเลียงผาเป็นต้น

ที่พักบนยอดดอยหลวงเชียงดาว มีเพียงแห่งเดียวที่อนุญาตให้พักแรม คือ บริเวณอ่างสลุง
บนดอยเชียงดาวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้น ต้องเตรียมอาหาร และน้ำดื่ม จะเตรียมไปเอง รวมไปถึงสัมภาระ ขึ้นไป เช่น เต็นท์ ถุงนอน เสื้อกันหนาว ผ้าห่ม ไฟฉาย ไฟแช็ค เทียนไขกระดาษทิชชู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ถุงมือ ถุงเท้า หมวก เสื้อกันฝน
บนยอดดอยหลวงเชียงดาวไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำกินและน้ำใช้ทั้งหมดจะต้องจ้างลูกหาบเพื่อแบกเข้าไป ฉะนั้นควรใช้น้ำ อย่างประหยัด (ลูกหาบ 1คนแบกน้ำอย่างเดียว คนละ ประมาณ 20 ลิตรเท่านั้น)

การเดินทางโดยรถยนต์
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 ระยะทางประมาณ 72 กิโลเมตร ถึงทางแยกไปบ้านถ้ำ (เชียงดาว) บริเวณตัวอำเภอเชียงดาวเข้าสู่ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถจอดรถไว้ที่เขตรักษา ฯ และนั่งรถกระบะรับจ้างไป ยังจุดเริ่มเดินทางที่ได้ติดต่อกันไว้
การเดินทางโดยรถประจำทาง
สามารถเดินทางโดยรถทัวร์ มีรถออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ(หมอชิต 2) มีรถทัวร์ 2 บริษัทสายกรุงเทพฯ-ท่าตอนไปถึง อ.เชียงดาวโดยตรงลงที่หน้าโรงแรมเชียงดาวอินน์หรือจากตัวเมืองเชียงใหม่ต่อรถเข้าไป อ.เชียงดาวอีก 70 ก.ม. ทั้งสองวิธีต้อง ต่อรถเข้าไปที่ สนง.เขตฯเชียงดาวอีก 5 ก.ม.โดยสามารถนัดรถกระบะรับจ้างหรือทัวร์ท้องถิ่นที่ติดต่อไว้หมารับได้

นิววิริยะสายบ้านท่าตอน ออกจาก กทม 18.30 น ถึงเชียงดาว 05.00 น.
ออกจากท่าตอน ผ่านเชียงดาวเวลา 18.30 น ถึง กทม 07.00น โทร. 02-9362205-7

บ ข ส สายบ้านท่าตอน ออกจากกทม 16.30 นะ ถึงเชียงดาว 05.00 น
ออกจากบ้านท่าตอนเวลา 16.30 ถึง กทม 05-07.00น. http://www.transport.co.th
ขากลับ บขส.รถออกเวลา 16.00 น. นิววิริยะรถออกเวลา 18.00 น.

หมวดที่ 1 การขออนุญาต
1. ให้ขออนุญาต(แจ้งความประสงค์)เข้าเขตฯเชียงดาวก่อนวันเดินทาง
2. ขออนุญาตเข้าเขตฯเชียงดาวได้ 2 แห่ง คือ
     2.1 สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. 02-5614836
     2.2 สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053 456 623
3. ก่อนเข้าในเขตฯเชียงดาว ให้ยื่นหนังสือขออนุญาตและเสียค่าบริการ หรือค่าตอบแทนที่สำนักงานเขตฯเชียงดาวก่อน
4. อนุญาตให้เข้าเขตฯได้ไม่เกินจำนวน 150 คนต่อวัน(รวมผู้นำทางและลูกหาบด้วย)

หมวดที่ 2 สถานที่และเส้นทางที่อนุญาตให้ท่องเที่ยว
1. ให้ท่องเที่ยวบนดอยหลวงเชียงดาว(ยอดสูงสุด)และสันกิ่วลม
2. เส้นทางขึ้น-ลง อนุญาต 2 เส้นทาง ดังนี้
    2.1 เส้นทางที่ 1 เส้นทางเด่นหญ้าขัด(หน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก)
    2.2 เส้นทางที่ 2 เส้นทางบ้านนาเลาใหม่(ปางวัว)
3. สถานที่อนุญาตให้พักแรม
   3.1 หน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก(เด่นหญ้าขัด)
   3.2 ดงน้อย
   3.3 ดงไผ่หก
   3.4 อ่างสลุง

หมวดที่ 3 ระยะเวลาการท่องเที่ยว
1. เข้าเขตฯได้เฉพาะช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม(รวมเวลา 5 เดือน)
2. ระยะเวลาขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเส้นทางเด่นหญ้าขัดและบ้านนาเลาใหม่ ห้ามขึ้นหลังเวลา 16.00 น.

หมวดที่ 4 ข้อห้าม
1. ไม่นำเครื่องมือล่าสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าเขตฯ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2. ไม่นำวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง ประทัด ยาพิษ ยาเบื่อเมา หรือสิ่งอื่นที่เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่สั่งห้ามเข้า
3. ไม่นำยานพาหนะ สัตว์พาหนะ สัตว์เลี้ยง เข้าเขตฯเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4. ไม่นำอุปกรณ์ที่จะทำให้เกิดเสียงอึกทึกเข้าเขตฯ
5. ห้ามนำภาชนะขวดแก้วเข้าเขตฯ เว้นสิ่งของที่จำเป็นต้องบรรจุอยู่ในภาชนะขวดแก้วเท่านั้น ซึ่งเมื่อใช้แล้วต้องนำภาชนะขวดแก้ว นี้ติดตัวกลับมาด้วย
6. ห้ามนำภาชนะบรรจุสิ่งของที่ทำด้วยโฟมเข้าเขตฯ

หมวดที่ 5 ข้อควรปฏิบัติระหว่างเข้าเขตฯ
1. เดินตามเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น
2. พักแรมในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น
3. ห้ามทิ้งขยะตามเส้นทางเดิน หรือบริเวณอื่นใดในพื้นที่เขตฯโดยเด็ดขาด
4. ห้ามทำการเผาขยะในพื้นที่เขตฯโดยเด็ดขาด
5. การขับถ่าย ให้ขับถ่ายได้เฉพาะในที่ขับถ่ายที่ได้จัดทำไว้เท่านั้น ยกเว้นในกรณีจำเป็นตามเส้นทาง ให้ใช้ระบบขุดถ่ายกลบได้
6. ห้ามใช้ไม้ทุกชนิดในเขตฯเป็นเชื้อเพลิง
7. ไม่ทำการใดๆที่เป็นการทำลายสภาพธรรมชาติ เช่น เก็บนำออกไป ขีดเขียนหรือทำสัญญาลักษณ์ใดๆ ตามต้นไม้หรือโขดหิน หรือการทำให้เกิดไฟป่า
8. ไม่ทำการใดๆที่ทำให้เกิดเสียงอึกทึก หรือกระทำการใดๆที่เป็นการรบกวนสัตว์ป่าให้แตกตื่นตกใจ

หมวดที่ 6 มาตรการ
1. ผู้ที่เข้าเขตฯจะต้องนำสิ่งของสัมภาระ ที่จะนำเข้าและออกจากเขตฯ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่จุดตรวจหรือด่านตรวจของเขตฯ ทุกครั้ง
2. หากผู้นำทางหรือลูกหาบผู้ใด ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบ จนก่อให้เกิดความเสียหาย จะต้องได้รับการพิจารณาตามตัว บทกฎหมายจากเขตฯเชียงดาว และจะไม่อนุญาตให้เป็นผู้นำทางหรือลูกหาบต่อไป(รวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย)
3. ผู้ที่ขึ้นดอยหลวงเชียงดาว ต้องมีลูกหาบหรือผู้นำทางร่วมเดินทางไปด้วยทุกกลุ่ม
4. ผู้เดินทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาว รวมทั้งลูกหาบและผู้นำทาง จะต้องนำสัมภาระ สิ่งของ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบชนิดนับจำนวนสิ่ง ของที่จะเหลือเป็นขยะ และวางเงินมัดจำขยะก่อนเข้าเขตฯทุกครั้ง(ทุกกลุ่ม)
หมายเหตุ
ลูกหาบหรือผู้นำทางเป็นผู้จ่ายวางเงินมัดจำขยะและรับเงินคืน ขยะที่นำกลับหากมีจำนวนต่ำกว่า 85 % ของขยะทั้งหมดริบเงินมัดจำ

ร้านลุงแกละแปดริ้ว
บริการแบบเหมาและจัดหาลูกหาบ คนนำทางและรถรับจ้าง อาหาร โทร. 053-456410, 081-9938397

คมศักดิ์ วงศ์สุข
โทร. 089-9980712, 089-9030083 บริการแบบเหมาและจัดหาลูกหาบ คนนำทางและรถรับจ้าง บริการนำเที่ยวชุมชนลีซูและบ้านพัก(บ้านระเบียงดาว)

สมพงษ์ แซ่ลี่ (ตุ๋ม)
โทร. 089-9518823 บริการแบบเหมาและจัดหาลูกหาบ คนนำทางและรถรับจ้าง

ค่าใช้จ่าย
- โดยทั่วไปราคาของการให้บริการแบบเหมาจากทัวร์ท้องถิ่น หัวละ 2000-2,500 บ. รวมอาหารและค่าลูกหาบ
- ค่าบริการจากทัวร์เริ่มจากกรุงเทพราคาประมาณ 4300 บาท
- ในกรณีเดินทางด้วยตัวเอง ค่าลูกหาบวันละ 350 บ.(จัดอาหารให้ลูกหาบ) หรือ 400 บ.(ลูกหาบจัดให้ตัวเอง) ลูกหาบ 1 คน แบกน้ำหนักไม่เกิน 20 ก.ก. ให้คนนำทางวันละ 500 บ.(ถ้าจ้างลูกหาบแล้วไม่จำเป็นต้องจ้างคนนำทาง)