เลื่อนลงล่าง

พักกาย พักใจ ไป"กาญ"

โดย. Nookk Chanida

23/03/60

Share

หวัดดีเพื่อนๆ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับเมือง"กาญจนบุรี" สถานที่แห่งการพักผ่อนหย่อนใจจากวันยุ่งๆแสนเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงาน เมื่อถึงวันหยุดทุกคนคงอยากหาที่สบายๆหลบหลีกลี้ความวุ่นวายจากเมืองใหญ่สู่บรรยากาศบ้านๆกันบ้างใหญ่สู่บรรยากาศบ้านๆกันบ้าง สำหรับการพักผ่อนย๊าวววว...ยาวววว...กับการเดินทางแบบไม่ต้องหมดเเรงไปซะก่อน หยุดพักแสงสีไปหาความสงบเพื่อรับออกซิเจนให้เต็มปอดกันกับเรา ไปกันเล้ยยยยยย

กาญจนบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่มีผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ยุคก่อนประวัติศาสตรเป็นสถานที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่ง เป็นสถานที่สำคัญ ทาง ประวัติศาสตร์ของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่อง เที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น ป่าเขาลำเนาไพร ถ้ำหรือน้ำตก กาญจนบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ
129 ก.ม. มีพื้นที่ประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่ามีทั้งป่าโปร่งและป่าดงดิบ มีแม่น้ำ สำคัญ สองสายคือ แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อยซึ่งไหลมาบรรจบรวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลองที่บริเวณ อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขาม เตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจ

ทางรถไฟสายมรณะ (Death Railway)

สถานที่เที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากประวัติศาสตร์อันโหดร้ายของการก่อสร้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเป็นทางรถไฟที่กองทัพญี่ปุ่นใช้ขนส่งยุทโธปกรณ์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยแรงงานเชลยศึกสงครามโดยไม่มีเครื่องจักรช่วย ความทารุณในยุคนั้นทำให้เชลยต่างล้มตายไปจากการสร้างทางรถไฟสายนี้เป็นจำนวนมาก จนถูกเล่าขานกันว่า “หากนับไม้หมอนรางรถไฟได้เท่าไหร่ จำนวนคนที่ตายไปเพราะสร้างรถไฟสายนี้ก็มีเท่านั้น” ปัจจุบันกลายเป็นเส้นทางนั่งรถไฟชมธรรมชาติที่สวยงามคดเคี้ยวตามช่องเขาและริมแม่น้ำแคว รวมระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร

ช่องเขาขาด (Hellfire Pass)

ชื่ออันฟังดูน่ากลัวนั้นช่างเล็กน้อยเมื่อรู้ถึงประวัติศาสตร์ของมัน เพราะช่องเขาขาดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่ปัจจุบันไม่ถูกใช้งานแล้ว แต่ที่นี่กลายเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ที่นอกจากจะเก็บรวบรวมเครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ และการรำลึกถึงความทรงจำของเหล่าเชลยศึกที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งช่องเขาขาดนี้เกิดจากการขุดเจาะเขาเป็นทางรถไฟของเชลยศึกที่ควบคุมโดยกองทัพญี่ปุ่นในยุคนั้น และไม่มีแม้แต่เครื่องมืออันทันสมัยช่วยทุ่นแรง ปัจจุบันยังคงหลงเหลือทางรถไฟและช่องเขาที่ถูกตัดอย่างชัดเจนให้เห็นเป็นอนุสรณ์อยู่

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall)

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น หรือเรียกสั้นๆ ว่า “น้ำตกห้วยขมิ้น” เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สามารถเข้าชมได้ง่ายด้วยทางเข้าถนนลาดยาง ดีกรีชื่อเสียงของน้ำตกแห่งนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะถือเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียวเชียว! ด้วยม่านน้ำที่ไหลลดหลั่นกันลงมาตามชั้นเตี้ยๆ สลับซับซ้อนเป็นทางยาว แบ่งเป็นชั้นหลักๆ ได้ทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีระยะห่างกันนับร้อยเมตรเลยทีเดียว ซึ่งไม่ได้ทิ้งดิ่งลงมาในแนวตั้งเหมือนน้ำตกทั่วไป ทั้งยังรายล้อมไปด้วยป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์และร่มรื่น จึงไม่แปลกเลยที่น้ำตกแห่งนี้จะเป็นที่หมายในฝันของใครหลายๆ คน

น้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall)

หากพูดถึงน้ำตกที่มีชื่อเสียงของที่ท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีแล้วนั้น น้ำตกเอราวัณต้องเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใครๆ ก็ต้องเอ่ยถึงอย่างแน่นอน เพราะน้ำตกสายนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำละครและโฆษณามาแล้วหลายเรื่อง ด้วยน้ำสีมรกตใสแจ๋วราวกับน้ำทะเลริมหาดที่สวยที่สุด ล้อมรอบไปด้วยผื่นป่าอันเขียวขจี มีชั้นน้อยใหญ่ถึง 7 ชั้นด้วยกัน แต่ที่นับว่าเป็นไฮไลท์ที่สุดคือน้ำตกเอราวัณชั้น 2 ซึ่งเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่และเป็นที่อยู่อาศัยของปลาพลวงแหวกว่ายอยู่ในน้ำมากมาย จนถูกเรียกชื่อชั้นนี้ว่า “วังมัจฉา” และยังนับเป็นชั้นที่สวยงามที่สุดในบรรดาน้ำตกเอราวัณทั้ง 7 ชั้นอีกด้วย

สะพานมอญ (Mon Bridge)

เปลี่ยนจากธรรมชาติมาลองสัมผัสกับวิถีชีวิตกันบ้าง เพราะอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวกาญจนบุรีที่นสวยงามไปด้วยวัฒนธรรมนั้นอยู่ในอำเภอสังขละบุรี นั่นก็คือสะพานมอญ หรือ “สะพานอุตตมานุสรณ์” ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก! ใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญที่เงียบสงบ ความสวยงามที่แฝงไปด้วยมนต์ขลังของสะพานแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอำเภอสังขละบุรีไปโดยปริยาย ซึ่งในช่วงเช้าของทุกวันคุณสามารถมาตื่นมาชมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นชาวมอญและพระสงฆ์ที่เดินข้ามไปข้ามมาทั้งสองฝากฝั่งนี้แบบได้บรรยากาศอย่างแท้จริง

สะพานข้ามแม่น้ำแคว (River Kwai Bridge)

สะพานโครงเหล็กที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้นำรถไฟข้ามแม่น้ำแคว เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะอันเลื่องชื่อ ซึ่งคุณจะได้รู้สึกตื่นตาด้วยการเดินข้ามแม่น้ำประกบคู่กับรถไฟที่เคลื่อนผ่านไปมาอย่างใกล้ชิด

สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (War Cemetery Don Rak)

สถานที่สำคัญของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญต่อหลายประเทศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่ตั้งของหลุมศพทหารฝ่ายสัมพันธมิตรกว่า 6,900 หลุม ทั้งหมดถูกตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิตเหล่านั้น

 

จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยรองจากนครราชสีมาและเชียงใหม่โดยมีพื้นที่ประมาณ 12 ล้านไร่ นอกจากนี้จังหวัดกาญจนบุรียังมีพื้นที่ป่าที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์มากที่สุดในกลุ่มป่าตะวันตกอีกด้วย นั่นคือมีพื้นที่ประมาณ 5 ล้านไร่ซึ่งประกอบไปด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 2 แห่งและอุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง

พื้นที่อนุรักษ์ทั้งหมดในจังหวัดกาญจบุรีมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 44 หรือครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งจังหวัดเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงกรุงเทพมหานครแต่ผืนป่าอนุรักษ์ทั้ง 9 แห่งของจังหวัดกาญจนบุรีก็เสี่ยงต่อการบุกรุกทำลายตัดไม้ล่าสัตว์และหาของป่ามากที่สุดเนื่องจากมีชุมชนกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัดจึงทำให้ป่าผืนใหญ่ไม่ต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกันอีกทั้งการปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นความเสี่ยงต่อการสูญเสียพื้นที่ป่าและการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติก็มีเพิ่มขึ้นตามมา

หลังจากที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ “เชื่อมระบบนิเวศเพื่อการอนุรักษ์ช้างและสัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก” ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) โดยดำเนินการบริเวณพื้นที่ป่าเตรียมผนวกกับอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ เพื่อศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ในการเชื่อมผืนป่าดังกล่าวกับผืนป่าของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนคริณทร์ ฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรเล็งเห็นปัญหาดังกล่าวของป่าผืนใหญ่ในจังหวัดกาญจนบุรี ความสำคัญของการสร้างแนวเชื่อมต่อป่าเผื่อให้สัตว์ป่าสามารถเดินทางหากินระหว่างป่าได้และเพื่อเอื้อสัตว์ป่าให้สามารถเคลื่อนย้ายกระจายพันธุ์ตั้งประชากรใหม่ลดการผสมเลือดชิดและเพื่อให้เกิดการถ่ายเททางพันธุกรรมเพื่อความมั่นคงของประชากรและสังคมสัตว์ป่าโดยรวมจึงได้ทำการศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ในการเชื่อมป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีขึ้น

การศึกษาครั้งนี้เป็นเพียงการศึกษาแนวทาง ความเป็นไปได้ในการเชื่อมผืนป่าที่ส่วนใหญ่ถูกตัดขาดจากกันด้วยเส้นทางคมนาคม และชุมชนซึ่งมีพื้นที่ศักยภาพทั้งสิ้น 15 พื้นที่ดังนี้

1 จุดเชื่อมต่อน้ำตกไทรโยคน้อย พื้นที่อนุรักษ์ อช. ไทรโยค - อช. เอราวัณ สัตว์ป่าเป้าหมาย นกและสัตว์เล็กๆที่วิ่งข้ามถนนในช่วงกลางคืน แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดทำโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าการดูนกและป้าย-เครื่องชะลอความเร็วรถยนต์

2 จุดเชื่อมต่อพุเตย - เขาวังเขมรพื้นที่อนุรักษ์อช. ไทรโยค - อช. เอราวัณ สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมระบบนิเวศสัตว์ป่าขนาดใหญ่เช่นกระทิงแนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่โครงการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาวังเขมรและแนวบังไพรเชื่อมสัตว์ป่าเขาพุเตย

3 จุดเชื่อมต่อแนวป่าประชิดอช.เขื่อนศรีนครินทร์ฝั่งตะวันตก (บ้านท่าทุ่งนา-บ้านสหกรณ์นิคม)พื้นที่อนุรักษ์อช. เขื่อนศรีนครินทร์ - อช. ไทรโยคและอช.ทองผาภูมิ(ฝั่งตะวันออก) สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมสัตว์ขนาดเล็กตามหย่อมป่า แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่า 20% ในเขตสปก.

4 จุดเชื่อมต่อป่าสะพานลาว-ภูเตย พื้นที่อนุรักษ์อช. เขื่อนศรีนครินทร์ - อช.ลำคลองงู สัตว์ป่าเป้าหมาย เชื่อมโยงสัตว์ป่าขนาดใหญ่เช่นเสือ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดตั้งป่าชุมชนหมู่บ้านสะพานลาวและภูเตย

5 จุดเชื่อมต่อแนวป่าประชิดอช.ทองผาภูมิ(ฝั่งตะวันออก) พื้นที่อนุรักษ์อช. ทองผาภูมิ(ฝั่งตะวันออก) - อช.เขื่อนศรีนครินทร์ สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมสัตว์ขนาดเล็กตามหย่อมป่า แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่า 20% ในเขตสปก.

6 จุดเชื่อมต่อแนวป่าระหว่างอช.ทองผาภูมิด้านตะวันออกและด้านตะวันตก (กลุ่มบ้านห้วยเขย่ง-บ้านไร่) พื้นที่อนุรักษ์อช.ทองผาภูมิ สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมโยงสัตว์ป่าขนาดใหญ่เช่นเสือช้างกระทิงแนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่า 20% ในเขตสปก.,โครงการแก้ไขปัญหาช้างป่า, การผนวกพื้นที่เขาโป่งช้างเป็นอุทยานฯ

7 จุดเชื่อมต่อพื้นที่ป่าสงวนเขาตะเลาะเก้ พื้นที่อนุรักษ์อช. ลำคลองงู - อช. เขาแหลม สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมสัตว์ขนาดเล็กตามหย่อมป่า แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดตั้งป่าชุมชนและจัดทำโครงการอนุรักษ์สัตว์

8 จุดเชื่อมต่อแนวป่าบ้านทิโคร่ง – แม่น้ำรันตี พื้นที่อนุรักษ์อช. เขาแหลม สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมโยงสัตว์ป่าขนาดใหญ่ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดทำบังไพรเพื่อเชื่อมพื้นที่เครื่องชะลอความเร็วรถยนต์และป้ายระวังสัตว์ป่า

9 จุดเชื่อมต่อพื้นที่ป่าสงวนแนวบ้านซองกาเลีย พื้นที่อนุรักษ์เขตฯทุ่งใหญ่ตะวันตก - อช.ทองผาภูมิ สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมป่าและระบบนิเวศสัตว์ป่าขนาดใหญ่ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่ผนวกพื้นที่ป่าปะไรโหนก - ห้วยกบ - หม่องสะเทอเป็นอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจัดทำบังไพรเพื่อเชื่อมพื้นที่, เครื่องชะลอความเร็วรถยนต์และป้ายระวังสัตว์ป่า

10 จุดเชื่อมต่อเขาทับศิลา-บ้านช่องกระทิง พื้นที่อนุรักษ์เขตฯสลักพระ - อช. เอราวัณ  สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมสัตว์ป่าและระบบนิเวศสัตว์ป่าขนาดใหญ่ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่โครงการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาทับศิลาและแนวบังไพรเชื่อม

11 จุดเชื่อมต่อบ้านแก่งแคบ พื้นที่อนุรักษ์เขตฯสลักพระ - อช.เอราวัณ  สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมโยงสัตว์ป่าขนาดใหญ่ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดทำบังไพรเพื่อเชื่อมพื้นที่เครื่องชะลอความเร็วรถยนต์และป้ายระวังสัตว์ป่า

12 จุดเชื่อมต่อเขาโกเต็ง พื้นที่อนุรักษ์เขตฯสลักพระ - อช. เฉลิมรัตนโกสินทร์ (พื้นที่เตรียมผนวก) สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมป่าและระบบนิเวศสัตว์ป่าขนาดใหญ่ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่โครงการเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

13 จุดเชื่อมต่อสามสบ - ไกรเกรียง พื้นที่อนุรักษ์อช.เฉลิมรัตนโกสินทร์ (พื้นที่เตรียมผนวก) - อช.เขื่อนศรีนครินทร์ - เขตฯห้วยขาแข้ง สัตว์ป่าเป้าหมายสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่ว่ายน้ำข้ามอ่างเก็บน้ำ แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าและจัดระเบียบแพในเขื่อนศรีนครินทร์

14 จุดเชื่อมต่อแสวงบ่า - พุคลอง พื้นที่อนุรักษ์อช. เฉลิมรัตนโกสินทร์ (พื้นที่เตรียมผนวก) - อช. เขื่อนศรีนครินทร์ - เขตฯห้วยขาแข้ง สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมช้างป่า แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่ผนวกพื้นที่ป่ารอบบ้านแสวงบ่าเป็นอช. เฉลิมรัตนโกสินทร์และสร้างเส้นทางเชื่อมช้างแสวงบ่า

15 จุดเชื่อมต่อกลุ่มป่าสงวนเขาหินตั้ง พื้นที่อนุรักษ์อช. เฉลิมรัตนโกสินทร์(พื้นที่เตรียมผนวก) - อช. พุเตย สัตว์ป่าเป้าหมายเชื่อมสัตว์ขนาดเล็กตามหย่อมป่า แนวทางการเชื่อมต่อพื้นที่จัดตั้งป่าชุมชนเขาหินตั้ง

พื้นที่ศักยภาพดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาถึงแนวทางและความเป็นไปได้ในอนาคตโดยในบางพื้นที่ได้มีการดำเนินโครงการและทำการศึกษาวิจัยแล้วเบื้องต้นเช่นพื้นที่ป่าเขาโกเต็ง (ลำดับ 13 ในตาราง) ที่มีการศึกษาร่องรอยสัตว์ป่าการวางกล้องดักถ่ายภาพ (Camera Trap) ความหนาแน่นของสัตว์ป่าเพื่อการขอจัดตั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าต่อไปในอนาคตและโครงการเชื่อมระบบนิเวศผืนป่าเพื่อการอนุรักษ์ช้างและสัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตกบริเวณบ้านแสวงบ่า - พุคลอง (พื้นที่เตรียมผนวกอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์) เพื่อแก้ปัญหาช้างป่าเข้าทำลายพืชไร่ของชาวบ้านและศึกษาแนวทางการเชื่อมผืนป่ากับอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เผื่อให้ช้างป่าสามารถเดินทางหากินระหว่างผืนป่าได้
 

กาญจนบุรี หรือที่ใครเรียกสั้นๆ ว่าเมืองกาญจน์ เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคกลาง และครบครันด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งภูเขา ป่าไม้ ถ้ำ น้ำตก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี 

อีกทั้งยังใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ คุณก็มาท่องเที่ยวเมืองกาญจน์ได้แบบชิลล์ๆ และเมื่อมาถึงกาญจนบุรี หรือเมืองกาญจน์ นอกจากจะเฟ้นหาที่พักสุดสบายไว้พักผ่อนสักคืนสองคืนแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวแบบเราๆ นั่นคือ การหาร้านอาหารอร่อยๆ ของกาญจนบุรี ไว้สำหรับรองท้องเติมพลังให้การตะลอนเที่ยวสนุกสนานคึกคักยิ่งขึ้น

1.แพอาหารริมเขื่อน อำเภอท่าม่วง

ที่ตั้ง: 91 หมู่3 อาคาร บริเวณเขื่อนแม่กลอง ตำบลม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน 10.00 – 22.00 น.

โทรศัพท์: 0 3465 5351

เป็นแพอาหารอาหารสุดอร่อยและบรรยากาศดีแห่งหนึ่งของอำเภอท่าม่วง เมื่อมาชิมอาหารร้านนี้นอกจากคุณจะได้สัมผัสกับวิวธรรมชาติรอบๆ ร้าน ที่สวยตั้งแต่เช้าจรดค่ำแล้ว ยังจะได้อิ่มเอมไปกับหลากหลายเมนูปลาแม่น้ำ ที่ทางร้านว่าคอนเฟิร์มว่า สด หวาน และอร่อยทุกคำอย่างแน่นอน

เมนูแนะนำของร้านแพอาหารริมเขื่อน อาทิ ปลาคังลวกจิ้มยำปลาแรดมะม่วงสด ปลายี่สกผัดพริกไทยดำ ต้มยำปลายี่สก ปลาเค้าทอดน้ำปลา ยำยอดมะพร้าวอ่อน ไก่ต้มหัวปลี ฯลฯ

หากคุณเดินทางมาท่องเที่ยวกาญจนบุรี ก็อย่าลืมแวะมากินอาหารที่ร้านแพริมเขื่อนกันสักมื้อ เพราะของเขาอร่อยและบรรยากาศดีจริงๆ

การเดินทางไปร้านแพอาหารริมเขื่อน จากตัวเมืองกาญจนบุรี มุ่งหน้าไปทางอำเภอท่าม่วง ตรงไปทางเขื่อนแม่กลอง จะเห็นแพอาหารริมเขื่อน อยู่เยื้องกับวัดถ้ำเสือและวัดถ้ำเขาน้อย ทางด้านซ้ายมือ

2. ร้านอนงค์ อำเภอท่าม่วง

ที่ตั้ง: 247 หมู่ 11 ถนนกาญจนบุรี-อู่ทอง ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: 09.00-22.00 น.

โทรศัพท์: 0 3458 6107

เป็นร้านอาหารอร่อยสไตล์ลูกทุ่งของอำเภอท่าม่วงที่มีชื่อเสียงมายาวอย่างยาวนาน จากเดิมเป็นเพียงร้านตึกแถวเล็กๆ ก่อนได้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณนักชิมที่แวะเวียนมาอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย

ร้านอนงค์โดดเด่นเรื่องเมนูอาหารพื้นบ้านและอาหารป่ารสชาติจัดจ้านด้วยฝีมือของแม่ครัวหัวป่าก์ที่ใครชิมก็ติดใจ

เมนูแนะนำของร้านอนงค์ อาทิ กบทอดกระเทียม กบผัดกะเพรา ไข่เจียวสมุนไพร ไก่บ้านทอดเกลือ ฯลฯ จะสั่งมากินเป็นกับข้าวหรือเป็นกับแกล้มก็อร่อยทุกจานเลยทีเดียว

หากเพื่อนๆ คนไหนชอบกินอาหารรสจัดจ้านในบรรยากาศสบายๆ แล้วมาเที่ยวแถวเมืองกาญจน์ก็อย่าลืมแวะมาร้านครัวอนงค์

การเดินทาง หากมาจากกรุงเทพฯ ให้ขับรถมาตามถนนปิ่นเกล้า- นครชัยศรี ผ่านนครปฐม แล้วเลี้ยวขวาไปกาญจนบุรี ผ่านอำเภอท่ามะกา อำเภอท่าเรือ ก็จะถึงทางเลี้ยวซ้ายเข้า อำเภอท่าม่วง แต่ให้เลี้ยวมาทางขวามือแทน

ขับตรงมาจนสุดถึงถนนเส้นกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี ก็จะถึงร้านครัวอนงค์ ร้านอาหารป่าและร้านกบทอดกระเทียมที่อร่อยที่สุด หรือถ้าไปไม่ถูกก็โทรศัพท์สอบถามเส้นทางจากเจ้าของร้านได้

3. ห้องอาหารโรงแรมไทยเสรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี

ที่ตั้ง: 142 ถนนแสงชูโต ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ติดกับโรงเรียนเทศบาล 5 ติดกับปั๊มเชลล์ร้านอยู่ขวามือ

เปิดปิดเวลา: 9.00-21.00 น.

โทรศัพท์: 08 1825 7216 ,0 3451 1346, 0 3451 1128

เว็บไซต์: www.thaisaree.com

ร้านอาหารอร่อยในตำนานของจังหวัดกาญจนบุรี และแนะนำว่า ถ้ามาเที่ยวเมืองกาญจน์แล้วไม่ได้มาลองชิมร้านอาหารโรงแรมไทยเสรีกันสักมื้อจะเสียดายอย่างแน่นอน

ร้านอาหารโรงแรมไทยเสรีเปิดให้บริการความอร่อยนักชิมมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปีตัวร้านตั้งอยู่หน้าโรงแรมไทยเสรี ใครขับรถผ่านไปมาจะเห็นเหล่านักชิม และแขกบ้านแขกเมืองแวะมากินร้านนี้กันไม่ขาดสาย ด้านในร้านอาหารโรงแรมไทยเสรีเป็นห้องแอร์ ตกแต่งแบบเรียบง่าย

ในร้านมีเมนูแนะนำจำพวกอาหารพื้นบ้านและอาหารป่าที่หลายคนมากินแล้วติดใจ อาทิ แกงป่าลูกชิ้นปลากราย ไก่ไทยต้มน้ำปลา น้ำพริกกุ้งสด + ไข่ต้ม มะระผัดไข่กับมะระผัดปลาเค็ม ทอดมันปลากราย หมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว ปลาเค้าทอดราดน้ำปลา พิเศษสุดเมนูสุดอร่อยของเมืองกาญจน์ ยำเห็ดโคน ต้มยำเห็ดโคน เห็ดโคนผัดน้ำมันหอย หมูป่าผัดเผ็ด ฯลฯ

เคล็ดลับความอร่อยของร้านอาหารโรงแรมไทยเสรีอยู่การคัดสรรมาวัตถุดิบชั้นดี และเครื่องปรุงที่ใหม่ สด สะอาด รับรองได้ว่าหากใครได้มาลิ้มลองอาหารของที่นี่แล้วไม่ผิดหวังทั้งในเรื่องของคุณภาพ และบรรยากาศแน่นอน การเดินทางไปก็ไม่ยาก เพราะตั้งอยู่ในตัวเมืองเลย

4. ร้านอาหารคีรีธารา อำเภอเมืองกาญจนบุรี

ที่ตั้ง: เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน 11.00 – 23.00 น.

โทรศัพท์: 08 7415 8111, 0 3462 4093

เว็บไซต์: www.keereetara.com

เป็นร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำแควและอร่อยจริงไม่ได้อิงบรรยากาศเพียงอย่างเดียว

ร้านอาหารคีรีธารา เป็นร้านอาหารตกแต่งสไตล์บาหลี ร่มรื่นด้วยหมู่แมกไม้ริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ และอยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควเพียงนิดเดียว ซึ่งนับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี

มาที่นี่คุณจะได้กินอาหารเคล้าอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก และนั่งฟังเพลงชิลล์ๆ ได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจทั้งด้านในห้องแอร์ และมุมแพริมแม่น้ำ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนนั้น มุมกินอาหารในแพริมแม่น้ำ ทางร้านจะประดับไฟวิบวับอย่างงดงาม และนั่งมองเห็นวิวสะพานข้ามแม่น้ำแควได้อย่างใกล้ชิดติดตา

นอกจากบรรยากาศดีแล้ว เมนูอาหารแนะนำของร้านคีรีธาราก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะกาญจนบุรีเป็นเมืองติดแม่น้ำมีเมนูเด็ดจำพวกปลาให้ชิมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปลาช่อนคีรี ปลาช่อนเผา 4 ฤดู น้ำพริกธารา ยำถั่วพลู กุ้งแม่น้ำชาวสวน ฉูฉี่ปลาคัง สเต็กปลากะพง เขียวหวานผัดแห้งห่อไข่ ห่อหมกมะพร้าวอ่อน ข้าวอบสับปะรด ฯลฯ

กินอิ่มแล้วจะนั่งเล่นเพลินๆ ที่ร้านต่อ หรือชวนเพื่อนฝูงไปเดินเล่นและถ่ายรูปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็น่าสนุกและประทับใจไม่น้อยเลย

การเดินทางไปร้านอาหารคีรีธารา จากตัวเมืองกาญจนบุรี เข้าถนนแม่น้ำแคว ให้ตรงมามาเรื่อยๆ ทางสะพานข้ามแม่น้ำแคว ร้านอาหารคีรีธารา ตั้งอยู่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแควทางด้านขวามือ ฝั่งตัวเมืองกาญจนบุรี หน้าร้านกว้างขวาง มีที่จอดรถสะดวกสบายด้านข้างร้าน

5. ร้านอ้อมตีนไก่ ถนนแสงชูโต อำเภอเมืองกาญจนบุรี

ที่ตั้ง: ถนนแสงชูโต อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เยื้องกับโรงแรมรีเวอร์แคว

เปิดปิดเวลา: 16.00-24.00 น.

โทรศัพท์: 08 1745 2593

หลายคอนเฟิร์มว่าที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารอร่อยเด็ดของกาญจนบุรี โดยเฉพาะคนรักเมนูต้มซูปเปอร์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ต้มตีนไก่

ร้านอ้อมตีนไก่นับเป็นร้านต้นตำรับที่อยู่ในดวงใจชิมมานานกว่า 20 ปี ความอร่อยของต้มซูปเปอร์ ร้านอ้อมตีนไก่ อยู่ที่การเคี่ยวตีนไก่จนเปื่อยนุ่มและร่อนมากๆ ทำให้กินง่ายแบบไม่ต้องเคี้ยว

ส่วนน้ำซุปก็รสชาติเข้มข้นจัดจ้านสุดๆ เวลาซดน้ำร้อนๆ จะได้สัมผัสถึงความอร่อยแลลครบรสทั้ง เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ซึ่งระดับความเผ็ดของร้านนี้ถ้าจัดเป็นเรตติ้งความแซบคงต้องบอกว่า 18+ เลยทีเดียว เพราะทางร้านเขาจะบุพริกขี้หนูสวนทั้งเม็ดสีเขียวสีแดงใส่มาเวลาเสิร์ฟ

หากใครไม่กินเผ็ด หรือกินเผ็ดน้อยๆระดับอนุบาล แนะนำว่าให้บอกทางร้านก่อนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะได้กินไปเป่าปากไปกันทีเดียว

ต้มซูปเปอร์ร้านอ้อมตีนไก่ มีให้เลือกอร่อยได้ทั้งแบบใส่ถ้วยและหม้อไฟ หรือจะสั่งเฉพาะตีนไก่เพียวๆ อย่างเดียว หรือใส่เลือดผสมมาด้วยก็ได้ นอกจากนั้นยังมีตีนไก่กระป๋องให้นักชิมอุดหนุนกลับบ้านได้ด้วย ในราคากระป๋องละ 50 บาท

นอกจากต้มซูปเอร์ตีนไก่แล้ว ร้านอ้อมยังมีอาหารอีกมากมายให้นักชิมเลือกสั่งมากกว่าร้อยชนิด เพราะร้านอ้อมตีนไก่เป็นร้านข้าวต้ม กึ่งร้านอาหารทั่วไป บรรยากาศออกแนวชิลล์ๆ สบายๆ แถมมีดนตรีสดเล่นให้ฟังทุกค่ำคืนด้วย

เมนูแนะนำของร้านอ้อมตีนไก่ อาทิ ปลาคังผัดฉ่า หมูกรอบผัดผักกระเฉด ฯลฯ มาเที่ยวกาญจนบุรีแล้วอยากร้านอาหารแบบพื้นบ้านอร่อยๆ รสชาติต้นตำรับลิ้มลองสักมื้อ ก็แวะมาร้านอ้อมตีนไก่ได้

6.แพอาหารธาราบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี

ที่ตั้ง: 48 ถนนริมน้ำหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: 10.00-24.00 น. ดนตรีสดเล่นวงแรกเวลา 17.30 น.

โทรศัพท์: 0 3452 2944

เว็บไซต์: www.taraburee.com

มาเที่ยวกาญจน์ทั้งที ถ้าไม่ได้ลงแพก็เหมือนจะมาไม่ถึง แพอาหารธาราบุรี เป็นร้านอาหารอร่อย และวิวสวยอีกแห่งหนึ่งของเมืองกาญจน์

ตั้งอยู่บริเวณริมน้ำหน้าเมือง ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย ไหลมาบรรจบกันกลายเป็นแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศเรียกว่าดีสุดๆ ยิ่งหากมาในช่วงเย็นฤดูหนาว หรือฤดูร้อน ด้วยแล้วละก็ นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้ชมวิวแม่น้ำสองสีใจกลางเมืองกาญจน์ไปพร้อมๆ กันด้วย

แพอาหารธาราบุรีมีที่นั่งให้เลือกหลากหลายมุม เน้นบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น และมีลมพัดเย็นสบายพัดโชยมาอยู่ตลอดเวลา เมนูแนะนำของร้านธาราบุรี ส่วนใหญ่จะเน้นอาหารพื้นบ้าน และปลาแม่น้ำ อาทิ ยำโคนคะน้า เมี่ยงคะน้า ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน ปลาเคล้าทอดราดน้ำปลา แกงคั่วหอยขม ปลาคังผัดฉ่า และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย

เรียกได้ว่าอร่อยเหาะกันทุกเมนูเลยดีเดียว ซึ่งทางร้านให้ความสำคัญและพิถีพิถันกับการปรุงอาหารว่า ทุกอย่างต้องสด และใหม่เท่านั้น

นอกจากนี้หากใครมาเป็นหมู่คณะแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการนั่งกินข้าวริมแม่น้ำ ไปล่องแพกินอาหารชมวิวแม่น้ำก็ย่อมได้ เพราะแพอาหารธาราบุรี เขามีแพให้เช่าล่องกินอาหาร และชมวิวบรรยากาศสองฟากฝั่งแม่น้ำในบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ นั่งได้ประมาณ 60-70 คน

หรือถ้าใครนึกสนุกจะจับไมค์ขึ้นมาร้องคาราโกเกะ เปิดเพลงมันๆ แดนซ์กระจายในบรรยากาศแพเธคกลางแม่น้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ความสนุกที่ไม่น่าพลาดเช่นกัน

การเดินทางไปแพอาหารธาราบุรี หากขับรถมาจากกรุงเทพ เข้าตัวเมืองจะพบสี่แยกใหญ่กลางเมือง ด้านซ้ายเป็นสถานีตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ด้านขวาเป็นแยกไปสถานีขนส่งจังหวัด จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกนี้

แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ประตูเมืองเก่า ผ่านไปรษณีย์ ขับ เลยไปจนสุดทางที่แม่น้ำ และเลี้ยวซ้ายอีกนิดนึง ก็จะเห็นแพอาหารธาราบุรีตั้งอยู่ทางด้านขวามือ

7.ร้านอบอุ่นเฮ้าท์ อำเภอเมืองกาญจนบุรี

ที่ตั้ง: 459/1 ถนนแสงชูโต ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี (อยู่ตรงข้ามปั๊มปิโตนาส ห่างจากโลตัสสาขากาญจนบุรี 1 กิโลเมตร)

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน: 08.00-19.30 น.

โทร. 08 3774 5002

อิ่มเอมกับอาหารอร่อยมื้อหนักไปแล้ว ลองแวะมาชิมเมนูเบาๆ แต่อร่อยไม่เบาในตัวเมืองกาญจน์กันดูบ้างดีกว่า

อบอุ่นเฮ้าท์ เป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่สุดน่ารักใจกลางเมืองกาญจน์ ตัวร้านออกแบบเป็นบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นที่มาชื่อมาของร้าน และดูอบอุ่น น่ารัก และชวนให้เข้าไปนั่งนั่งจิบกาแฟหรือเครื่องดื่มแก้วโปรดเป็นอย่างมาก

อบอุ่นเฮ้าท์ แบ่งพื้นที่ให้บริการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือสามารถนั่งรับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศด้านใน หรือจะเลือกนั่งแบบชิลล์ด้านนอกก็ดี เครื่องดื่มแนะนำของร้านมีให้เลือกทั้งร้อนและเย็น อาทิ ชามะนาว ชาเขียว โกโก้ สตรอว์เบอร์รี่สมูทตี้ สตรอว์เบอร์รี่โยเกิร์ต เอสเปรสโซ คาปูชิโน ลาเต้ อเมริกาโน มอคค่า ชาดำเย็น ฯลฯ

จิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้ว อย่าลืมสั่งเบเกอรีโฮมเมดอร่อยๆ ที่เจ้าของร้านทำเองทุกขั้นตอนมาชิมสักคนละชิ้นสองชิ้นก็อร่อยเว่อร์ มีให้เลือกลิ้มลองทั้ง สตรอว์เบอร์รี่เครป สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก บลูเบอร์รี่ชัสเค้ก ที่อร่อยโดนใจทุกคำ

ส่วนคนชอบไอศกรีมหวานๆ เย็นๆ ขอแนะนำ ฮันนี่โทสต์ รสชาติหวานมัน นุ่มละมุนลิ้น ใครได้กินเป็นติดใจอย่างแน่นอน มาเที่ยวเมืองกาญจน์ อย่าลืมแวะไปชิมความอร่อยของร้านอบอุ่นเฮ้าท์ กันนะ บอกได้เลยว่าถ้าเป็นคนชอบขนมหวานมากินร้านนี้แล้วต้องหิ้วกลับไปชิมต่อที่บ้านอย่างแน่นอน

8. ร้านอาหารออฟโรด (Off Road Kitchen) อำเภอไทรโยค

ที่ตั้ง: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน: 08.00-20.00 น.

เป็นร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ของอำเภอไทรโยค และแม้ว่าจะชื่อครัวออฟโรด แต่นักชิมที่ไม่ชาวออฟโรดก็สามารถแวะเข้าไปชิมความอร่อยแบบไม่ธรรมดาของร้านนี้ได้เช่นกัน

ครัวออฟโรด (Off Road Kitchen) ตกแต่งร้านในสไตล์คันทรี่ ประดับประดาด้วยต้นไม้ น้ำตกจำลอง และบ่อปลาคราฟ บรรยากาศดูร่มรื่นผ่อนคลายมาก เมนูแนะนำส่วนใหญ่ของร้านครัวออฟโรด (Off Road Kitchen) เป็นอาหารพื้นบ้านและอาหารไทย

มาแล้วต้องลองสั่ง ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ต้มยำรวมมิตร หมูทอดกระเทียมพริกไทย ต้มจืดสาหร่าย ปลาช่อนลุยสวน ต้มย้ำปลาคัง ยอดมะพร้าวอ่อนกุ้งผัดพริกแกง ยอดมะระผัดน้ำมันหอย ฯลฯ อีกทั้งยังมีกาแฟสดและขนมอร่อยๆ ให้สั่งมาชิมเพิ่มอีกด้วย

การเดินทางไปร้านครัวออฟโรด (Off Road Kitchen) หากมาจากตัวเมืองกาญจน์ ก็เลยน้ำตกไทรโยค มาไม่ไกล อยู่เลยโฮมพุเตย รีสอร์ทมานิดเดียว ร้านจะตั้งอยู่ทางซ้ายมือ แต่ถ้ามาจากทางอำเภอทองผาภูมิ ก็ให้ขับเลยบ่อน้ำพุร้อนหินดาดมาไม่ไกล ร้านครัวออฟโรดจะอยู่ทางด้านขวามือ

9. ครัวผักหวานบ้าน 1 ไร่นฤบดินทร์ อำเภอไทรโยค

ที่ตั้ง: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน: 08.00-20.00 น.

โทรศัพท์: 0 3458 5023, 08 6384 1450

ชวนไปกินเมนูผักหวานปลอดสารพิษสุดอร่อยของร้านครัวผักหวานบ้าน 1 ไร่นฤบินดทร์ ที่เขาเองผัดหวานเอง แล้วนำมาปรุงเมนูอาหารจานเด็ดหลากหลายเมนูให้นักชิมได้ลิ้มลองกันแบบจุใจ

เมนูแนะนำของร้านครัวผักหวาน อาทิ ส้มตำผักหวาน ยำผักหวาน เป๊าะเปี๊ยะผักหวาน ผักหวานผัดน้ำมันหอย แป๊ะซะผักหวาน ทอดมันปลากรายผักหวาน แกงเลียงผักหวาน ฯลฯ พร้อมสัมผัสกับบรรยากาศร่มรื่นของร้าน รับลมเย็นๆ ให้อิ่มสำราญใจกัน

การเดินทางไปครัวผักหวานบ้าน 1 ไร่นฤบดินทร์ จากอำเภอไทรโยคมาตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ กิโลเมตรที่ 25 ร้านตั้งอยู่ริมถนน ด้านข้างร้านมีลานจอดรถกว้างขวาง และมีที่พักให้บริการด้วย

10. ร้านอาหารครัวสมหมาย อำเภอไทรโยค

ที่ตั้ง: 109/3 อาคาร บริเวณท่าเรือปากแซง ถนนกาญจนบุรี-โทรโยค ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน 08.00-20.00 น.

โทรศัพท์: 0 3463 4158, 0 3463 4173

เป็นร้านอาหารพื้นบ้านและอาหารไทยขึ้นชื่อของอำเภอไทรโยค ที่หลายคนคอนเฟิร์มเป็ฯเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก อีกทั้งบรรยากาศร้านก็นั่งสบาย ร่มรื่นด้วยต้นไม่น้อยใหญ่ ให้คุณอิ่มเอมไปกับอาหารอร่อยและธรรมชาติสวยงามๆ ได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

เมนูแนะนำของร้านครัวสมหมาย ส่วนใหญ่เป็นปลาแม่น้ำและอาหารป่ารสชาติจัดจเน อาทิ ปลาคังลวก ไก่ไทยรวนเค็ม ทอดมันปลากราย ต้มยำปลาคัง หมูป่าผัดพริกแกง ฯลฯ

การเดินทางไปร้านครัวสมหมาย ถ้ามาจากตัวเมืองกาญจนบุรี ให้ขับรถตรงมาทางอำเภอไทรโยค ก่อนถึงน้ำตกไทรโยคประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นร้านสมหมาย อยู่บริเวณท่าเรือปากแซง ทางด้านซ้ายมือของถนนกาญจนบุรี-ไทรโยค

11. แพอาหารไทรโยค วินเนอร์ อำเภอไทรโยค

ที่ตั้ง: หมู่ที่ 7 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: ทุกวัน 08.00-20.00 น.

โทรศัพท์: 08 1803 1062, 08 9184 2133, 08 3919 2052

เป็นแพอาหารที่ตั้งอยู่ใต้สะพานแขวนอุทยานแห่งชาติไทรโยค ล้อมรอบด้วยธรรมสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าสีเขียว เปิดให้บริการอาหารตามสั่ง ชา กาแฟ ใครที่มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติไทรโยค หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านก็สามารถแวะเข้ามาชิมได้

เมนูอาหารแนะนำของอาหารไทรโยค ส่วนใหญ่เป็นเมนูปลาจากแม่น้ำและอาหารพื้นบ้านรสชาติจัดจ้านชวนชิม อาทิ ยำผักกูด ทอดมันไข่เค็ม ต้มยำปลาคัง ปลาทับทิมทอด น้ำพริกตาแดงแกล้มผัดสดๆ ไก่ผัด มะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ

การเดินทาง ไปร้านแพอาหารไทรโยค วินเนอร์ ไม่ยากเลย เพราะตัวร้านตั้งอยู่ใต้สะพานแขวน จอดรถที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค แล้วเดินมาที่ร้านได้เลย

12. ร้านอาหารวีไอพี (V.I.P) แพวังอิงผา อำเภอทองผาภูมิ

ที่ตั้ง: ถนนกาญจนบุรี ทองผาภูมิ เหนือทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ) อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: จันทร์-ศุกร์ 06.00-20.00 น. เสาร์- อาทิตยN 06.00-22.00 น.

โทรศัพท์: 08 1260 7022, 0 3459 9778

ร้านอาหารอร่อยและร้านอาหารแนะนำของอำเภอทองผาภูมิที่ขึ้นชื่อว่าวิวสวย บรรยากาศดี และอาหารอร่อยในบรรยากาศเรียบง่ายเป็นกันเอง

ร้านอาหารวีไอพี (V.I.P) แพวังอิงผา เปิดให้บริการความอร่อยแก่นักชิมมานานกว่า 20 ปี นับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนเขาแหลม ตัวร้านตั้งอยู่สันเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งไม่ว่าคุณไม่ว่าจะนั่งอยู่มุมไหนของร้าน ก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์เหนือทะเลสาบ และขุนเขาสลับซับซ้อนได้อย่างสบายตา

เมนูแนะนำของร้าน ร้านอาหารวีไอพี (V.I.P) แพวังอิงผา ส่วนใหญ่เป็นเมนูอาหารพื้นบ้าน อาหารป่า และปลาแม่น้ำ มาแล้วแนะนำให้ลองสั่งชิมจานเด็ดที่นักชิมชื่อดังอย่างเคยมากิน อาทิ แหนมเหนือง สูตรต้นตำรับของร้าน นอกจากนั้นยังมีเมนูเด็ดๆ อย่าง ปลาช่อนทรงเครื่องสมุนไพร แกงป่าปลาคัง แกงป่าไก่บ้าน หมูมะนาว ปลาทับทิมทอด ไก่ทอดเกลือ ยำเห็ดโคน ไก่บ้านคั่วเค็ม ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ปลาแรดทอดน้ำปลา หมูป่าผัดเผ็ด น้ำพริกกะปิ เป็นต้น

หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะจะล่องแพกินอาหารด้วยก็ได้ มีแพให้เลือกทั้งแบบนั่งได้ 20-30 คน แต่ไม่มีคาราโอเกะ ราคา 2,500 บาท ต่อรอบ ใช้เวลาล่องแพ ประมาณ 30-40 นาที หรือจะเป็นแพขนานยนต์ รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 40-70 คน มีคาราโอเกะ ราคา 4,500 บาทต่อรอบ

หรือจะจองบ้านพักที่แพวังอิงผา ก็มีให้เลือกทั้งแบบบ้านพักปีกไม้ (ห้องแอร์) จำนวน 21 หลัง ราคาคืนละ 800-1,500 บาท หรือจะเป็นห้องพักในแพ (แบบพัดลม) มีจำนวน 12 ห้อง ราคาคืนละ 500 บาท นอนได้จำนวน 4คน และแพหลังใหญ่ (พัดลม) นอนได้จำนวน 10-25 คน ราคาคืนละ 1,500-2,500 บาท

และมีกิจกรรมทั้งเล่นน้ำ ตกปลา ถ่ายภาพ พายเรือ ที่จะเติมความสุขและความอร่อยให้คุณได้อย่างเต็มอิ่ม

13. ร้านอาหารแพมิตรสัมพันธ์ อำเภอสังขละบุรี

ที่ตั้ง: 68 หมู่ 3 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: 08.00-20.00 น.

โทรศัพท์: 08 1812 7360, 0 3459 5261

มาเที่ยวสังขละบุรี อำเภอเล็กๆ ในอ้อมกอดขุนเขาและสายน้ำ จังหวัดกาญจนบุรี ต้องไม่พลาดแวะมาชิมร้านอาหารอร่อยขึ้นชื่อและบรรยากาศดีของสังขละบุรีอย่างแพมิตรสัมพันธ์ แพอาหารริมน้ำใกล้สะพานมอญ หรือสะพานไม้

ร้านอาหารแพมิตรสัมพันธ์เปิดให้นักชิมลิ้มลองความอร่อยมานานเกือบ 20 ปี นับตั้งแต่เจ้าของร้านได้ย้ายครอบครัวจากตัวเมืองกาญจน์มาตั้งรกรากที่อำเภอสังขละบุรีหรือเมืองเก่าเดิม และเปิดร้านขายข้าวแกงเป็นอาชีพหลัก จนเมื่อมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์จนน้ำท่วมเมืองเก่า เจ้าของร้านแพมิตรสัมพันธ์จึงย้ายมาปลูกบ้านแถวสะพานมอญ และเปิดแพพักรวมถึงร้านอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวในบริเวณนี้นับแต่นั้นมา

เคล็ดลับความอร่อยของร้านแพมิตรสัมพันธ์ที่หลายคนติดอกติดใจอยู่ที่ฝีมือของแม่ครัวที่เคยเปิดร้านข้าวแกงมาก่อน รวมทั้งการคัดสรรวัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่และทำเองเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะพริกแกงที่ตำเองและโขกเอง รับรองได้ว่าหอมอร่อยโดนใจนักชิมทุกคนอย่างแน่นอน

เมนูแนะนำของร้านแพมิตรสัมพันธ์ส่วนใหญ่จะเน้นเมนูปลาแม่น้ำที่จับสดๆ ใหม่ๆ จากเขื่อนทุกวัน มาแล้วต้องลองสั่ง ทอดมันปลากราย แกงป่าปลาคัง แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ยำสาวมอญ ปลาสร้อยแดดเดียว ผักกูดผัดน้ำมันหอย ต้มยำปลาคัง ฉูฉี่ปลากด ฯลฯ

ส่วนบรรยากาศร้านไม่ต้องพูดถึง เพราะสวยเริ่ดเกินคำบรรยาย นอกจากนักชิมจะได้นั่งในแพที่เปิดโล่งรับลมเย็นสบายแล้ว หากมองออกไปด้านนอก ด้านซ้ายก็เห็นขุนเขาสีเขียวสลับซับซ้อน ส่วนด้านทางขวาก็สะพานมอญ

อิ่มแล้วจะนั่งเล่นริมน้ำเพลินๆ ต่ออีกสักหน่อย หรือถ้ามีเวลามาหลายวันจะตีตั๋วนอนเล่นที่แพสักคืนสองคืนแล้วสนุกกับกิจกรรมเล่นน้ำ ตกปลา หรือล่องเรือไปชมวัดวังวิเวกการาม (เก่า) ซึ่งเป็นเมืองบาลดาล สถานที่ท่องเที่ยวอันซีนของสังขละบุรีก็น่าสนุกไม่น้อยเช่นกัน

14. ครัวสวนแมกไม้ รีสอร์ท อำเภอสังขละบุรี

ที่ตั้ง: อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: 06.00-19.00 น.

โทรศัพท์: 08 5291 6587

เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยและร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำของเมืองสังขละบุรี ที่ใครเคยมาเที่ยวและมาชิมแล้วต่างแนะนำว่าต้องมาลองกันสักครั้ง

ครัวสวนแมกไม้ รีสอร์ท ตั้งอยู่ในสวนแมกไม้ รีสอร์ท นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสังขละบุรีหรือมาพักที่สวนแมกไม้รีสอร์ท สามารถแวะเวียนเข้ามากินได้กันทุกวัน

ตัวร้านตั้งอยู่ด้านหลังตัวรีสอร์ท มีพื้นที่กว้างขวาง บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ มองเห็นวิวขุนเขาสลับซับซ้อน และสายหมอกลอยอ้อยอิ่งตลอดเวลา ไม่ว่าจะมากินมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น บรรยากาศก็โรแมนติกไม่ต่างกัน

เมนูแนะนำของร้านครัวแมกไม้รีสอร์ท มีให้เลือกชิมทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารไทย และอาหารฝรั่ง แต่ที่หลายคนมาชิมแล้วติดอกติดใจในความอร่อยต้องยกให้ เมนูทอดมันปลากราย กุ้งแช่น้ำปลา ต้มยำปลาคัง ผัดเผ็ดหมูป่า สลัดกุ้งแก้ว กระเช้าสวนแมกไม้ ลาบปลาทอด ปลาช่อนนึ่งแจ่ว ปลาคังลวกจิ้ม ปลาลากกล้วยทอด ฯลฯ

อิ่มแล้วจะนั่งเล่นชมวิวเพลินๆ หรือจะเช็คอินพักผ่อนในห้องพักบรรยากาศริมสายน้ำ ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Standard, Deluxe และแบบ Family Suite และมีห้องประชุมสัมนาและห้องจัดเลี้ยงไว้บริการด้วย

เรียกว่ามาเที่ยวสังขละบุรีแล้วต้องการหาที่กิน ที่พัก ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางแบบเต็มที่ ต้องแวะมาที่นี่เลย

15. ร้านจินโภชนา หัวสะพานไม้ อำเภอสังขละบุรี

ที่ตั้ง: อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

เปิดปิดเวลา: 06.00-19.00 น.

โทรศัพท์: 08 5291 6587

ถ้าจะบอกว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารตามสั่งที่วิวสวยที่สุดในสังขละบุรีคงจะไม่ผิดนัก เพราะร้านจินโภชนา เป็นร้านที่ตั้งอยู่ตรงหัวสะพานมอญ ที่นักท่องเที่ยวจะได้นั่งกินอาหาร และชมวิวสวยๆ ของสังขละบุรีได้ไกลสุดสายตา

เมนูแนะนำร้านนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว และชา กา แฟ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการกินอาหารง่ายๆ และอยากสัมผัสวิวสวยของสังขละบุรีแบบใกล้ชิด บอกเลยว่ามานั่งชิลล์ๆ ร้านจินโภชนา กันสักมื้อแล้วคุณจะไม่อยากลุกไปไหนเลยล่ะ

วันนี้ทาง ที่พักกาญจนบุรี พบวิวและบรรยากาศดีๆ แสนงาม ในจังหวัดกาญจนบุรี พบรีสอร์ทติดริมแม่น้ำแคว ที่พอตื่นเช้ามาเราสามารถเปิดประตูออกมานั่งเล่นหน้าห้องเอาขาจุ่มน้ำว่ายน้ำกันได้ทันทีเลยตลอดเวลาลองไปดูกันดีกว่าว่า 8 ที่พักที่ว่า

1. เดอะ โฟลทเฮ้าส์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท ที่พักกาญจนบุรี

เดอะ โฟลทเฮ้าส์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท ที่พักสไตล์ Floatels เป็นรีสอร์ทลอยน้ำที่อยู่กลางสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง แม่น้ำสายประวัติศาสตร์อย่าง "แม่น้ำแคว" และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติป่าไม้สีเขียวขจี นับได้ว่าเป็นสุดยอดบูติคลอยน้ำระดับหรูที่มีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกท่ามกลางขุนเขา ห้องพักทุกหลังเป็นระดับวิลล่าที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง สร้างจากไม้ทั้งหลัง มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกสไตล์ที่ตอบรับกับธรรมชาติ วันหยุดยาวมาถึงเมื่อไหร่ขอให้รีบเดินทางมาที่นี่ รับรองว่าคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

2. ไทรโยค วิว ราฟท์ ที่พักกาญจนบุรี

"ไทรโยค วิว ราฟ์ท" ที่พักริมน้ำที่มีความเป็นส่วนตัวและมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติงดงามเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง สำหรับไทรโยค วิว ราฟท์ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำแควน้อย สามารถตื่นขึ้นมารับความสดชื่นจากหน้าห้องได้ทันที ที่พักเป็นแพขนาดใหญ่ให้ความเป็นส่วนตัวในแบบที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ตัดขาดจากโลกภายนอกที่วุ่นวาย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนท่ามกลางสายลมและสายน้ำของแม่น้ำแควน้อย เมื่อเดินทางมาที่นี่ คุณจะสัมผัสได้ถึงความสบายใจในแบบที่ไม่เคยได้จากที่ไหน

3. เดอะ ริเวอร์แคว จังเกิล ราฟท์ ที่พักกาญจนบุรี

ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำแควน้อย ล้อมรอบด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ใหญ่ แม่น้ำ และภูเขา โดดเด่นด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ใช้วัสดุธรรมชาติจากท้องถิ่นเป็นหลักในการก่อสร้าง คุณจึงสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ แม้จะอยู่ในห้องพักที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแขกผู้เข้าพักทุกคนจะได้รับตะเกียงน้ำมันก๊าด สำหรับใช้ในเวลากลางคืน เนื่องจากที่รีสอร์ทไม่มีการใช้ไฟฟ้า และเราต้องการให้แขกผู้เข้าพักทุกท่านได้สัมผัสกับการพักผ่อนภายใต้ธรรมชาติอย่างเต็มที่ แม้จะดูเป็นการลำบาก แต่ทุกคนที่มาล้วนแต่พึงพอใจกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เนื่องจากไม่สามารถหาได้จากที่อื่น เดินทางจากกรุงเทพถึงที่พักใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสไปกับอีกหนึ่งรูปแบบของการท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ 

4. เดอะ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท ที่พักกาญจนบุรี

The For Rest Resort เป็นแพที่พัก ริมแม่น้ำแควน้อย ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์สวยงาม ทั้งภูเขา ต้นไม้เขียวชะอุ่ม โดยมีสายน้ำไหลทอดผ่านตัวรีสอร์ท ทุกห้องพักมีระเบียงเปลไกว ให้เราสามารถนั่งพักผ่อนชมวิว ทิวทัศน์หรือนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำหน้าห้องได้ทันที ซึ่งภายในรีสอร์ทยังมีสระว่ายเกลืออีกด้วย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่พักที่นักท่องเที่ยวจะต้องตกหลุมรักในความงดงามของสถานที่และบรรยากาศโดยรอบ มีจำนวนห้องพัก 86 ห้อง ทั้งยังมีบริการต่างไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว อาทิ บริการนวด เรือคายัค ล่องแพ สระว่ายน้ำ (บนบก) และ Wi-Fi หากใครที่ผ่านมาแถวนี้ก็แวะเข้ามากันได้

5. วังนกแก้ว พาร์ค วิว ที่พักกาญจนบุรี

วังนกแก้ว ที่พักติดริมน้ำที่เปิดให้บริการมากว่า 10 ปี รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลท่ามกลางขุนเขาและริมแม่น้ำแควน้อยที่ให้ความรู้สึกใกล้กับธรรมชาติมากที่สุด มีบ้านพักแบบ บังกะโล และห้องพักบนตัวอาคาร รวมถึงยังมีสระว่ายน้ำไว้คอยให้บริการอย่างสะดวกสบาย สำหรับใครที่ไม่ชอบลงเล่นน้ำในแม่น้ำ บรรยากาศดีแบบนี้ นักท่องเที่ยวจะพลาดได้ยังไง

6. อนันตาริเวอร์ฮิลล์ รีสอร์ท ที่พักกาญจนบุรี

อนันตาริเวอร์ฮิลล์รีสอร์ท เรือนแพอันหรูหรา ที่อยู่ท่ามกลางผืนน้ำ แผ่นฟ้า และทิวเขามาบรรจบกัน นอกจากที่นี่จะมีความสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนแล้ว ยังมีกิจกรรมทางน้ำอีกมากมาย สำหรับคนที่ชื่นชอบความสนุกสนาน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แต่งแต้มไปด้วยเรือนแพอันหรูหราและสง่างาม ถือได้ว่าเป็นความลงตัวของการพักผ่อน ผสมผสานกับความเป็นส่วนตัว สบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ไม่ว่าใครเมื่อเดินทางมาก็ต้องหลงไหลในความงดงาม

7. บ้านริมแคว-แพริมน้ำ ที่พักกาญจนบุรี

ที่บ้านริมแคว-แพริมน้ำ เป็นบ้านพักที่จะพาไปสัมผัสกับธรรมชาติของสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าที่ยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ โดยที่นี่มีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ว่ายน้ำ ตกแปล ล่องแพ ขี่ช้าง ท่องไทร ไต่เขา 

8. รักน้ำรีสอร์ท กาญจนบุรี

รีสอร์ทหรูสไตล์มัลดีฟส์ บรรยากาศธรรมชาติ มีเนินเขา ต้นไม้ขนาดใหญ่ ตกแต่งสวยงาม ล้อมรอบด้วยผืนน้ำกว้าง ใสสะอาด เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ 

การเดินทางไปกาญจนบุรี

1.รถยนต์
-ใช้ ถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า แล้ววิ่งขึ้นทางคู่ขนานลอยฟ้าจากนั้นตรงไปเรื่อยๆจนถึงทางแยกไปอ.สามพราน จ.นครปฐม ให้ชิดขวาแล้วไปตาม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่าน อ.นครชัยศรี อ.เมือง จ. นครปฐม จนถึง กม.69 ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อขึ้นสะพานข้าม แยกไป ทาง อ. บ้านโป่ง จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 323 (ถ.แสงชูโต) ผ่านสามแยกกระจับ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี ที่อ.มะกา อ.ท่าท่วง ไปจรถึง อ.เมือง รวมระยะทาง 129 กม.
-ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถ.เพชรเกษม) เริ่มจากบางแค ผ่าน อ้อมน้อย , อ้อมใหญ่ , อ.สามพราน , อ.นครชัยศรี ไปบรรจบกับเส้นทางที่ 1 หลังจาก อ.สามพราน ทั้งสองเส้นทางนี้ระยะทางใกล้เคียงกันแต่เส้นทางที่ 2 จะมีปัญหา
รถติดมากกว่า

2 . รถโดยสาร
รถโดยสารจากกรุงเทพฯ จะมีไปภึงเฉพาะที่ตัว อ.เมือง เท่านั้น ไม่มีไปถึงอำเภออื่นๆ รถปรับอากาศชั้น 1 ไปจอด ที่สี่แยกไฟแดงหน้าศาลหลักเมือง รถปรับอากาศชั้น 2 และรถธรรมดาจอดที่สถานีขนส่งกาญจนบุรี
- รถโดยสารปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ รถปรับอากาศชั้นหนึ่ง ออกทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-
22.30 น. รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.10-20.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 435-1200, 434-7192
- รถโดยสารธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 04.00-20.00 น. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 434-5557

3. รถไฟ
การเดินทางโดยรถไฟนับเป็นสเน่ห์ของการเดินทางอีกรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่ต้องมีเวลามากและไม่รีบร้อนขึ้น รถไฟได้ที่สถานีบางกอกน้อย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย โทร. 0 2411 3102 วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำเที่ยวไปกลับภายในวันเดียว รายละเอียดสอบถามเพิ่ม เติมได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010, 0 2223 7020 และ 1690 หรือที่เว็บไซต์ www.railway.co.th นอกจากนี้ยังมีรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษที่ให้บริการเฉพาะวันหยุดหลาย รายการแต่ต้องติด ต่อ จองล่วงหน้า และต้องไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟหัวลำโพง การเดินทางโดยรถไฟไปเที่ยว เมืองกาญจน์มีความ พิเศษต่าง จากที่อื่น คือเป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์หรือเรียกกันว่าทาง รถไฟสายมรณะ หากมีโอกาสจึง ไมควรพลาดจะนั่ง รถไฟเที่ยวออกจาก สถานีรถไฟบางกอกน้อย วันละ 2 เที่ยว เวลา 07.40 น. และ 13.50 น. แวะจอดที่สถานกาญจนบุรีีสะพานข้ามแม่น้ำแคว ท่ากิเลน สถานีน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง

การเดินทางภายในตัวเมือง

ในตัวเมืองกาญจนบุรีแล้วมีพาหนะในตัวเมืองหลายอย่าง เช่นรถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถสามล้อเครื่อง สามล้อถีบ
1.รถสองแถววิ่งในเมือง
มีรถสองแถววิ่งบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30-18.00น. ท่ารถอยู่ริม ถ. แสงชูโต ใกล้สี่ แยกไฟแดง ตรงข้าม รร. กาญจนานุเคราะห์ ค่ารถ 6 บาท ตลอดสาย 
- สาย 1 ตลาด - สถ. อ. เมื่องกาญจน์-ตลาดชุกโดน รพ. พหลพลพยุหเสนา รร. วิสุทธรังษี - วัดท่าล้อ
- สาย 2 ตลาด - สุสานทหารสัมพันธมิตร (ดอนรัก) - ทางแยกเข้าสถานีรถไฟกาญจนบุรี - ทางแยกเข้าสพานข้ามแม่น้ำแควคาซเซิลมอลล์ - ขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี (แยกแก่งเสี้ยน)
2.รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มีคิวรถเป็นประจำนวนมากบริเวณสถานีขนส่ง จ. กาญจนบุรี และตามสถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ เช่น เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว นอกจากนักท่องเที่ยวไกล ๆ ได้ ค่าบริจากสถานีขนส่งมีดังนี้
- ในตลาด   10-20 บาท
- สุสานทหารสัมพันธมิตร 10 บาท
- สะพานข้ามแม่น้ำแคว 20 บาท
- วัดถ้ำมังกรทอง  40 บาท
- ลาดหญ้า 50 บาท
- สุสานช่องไก่ 100 บาท
- ถ้ำเขาปูน 100 บาท
- ปราสาทเมืองสิงห์ 130 บาท
- เอราวัณ 200 บาท
3.รถสามล้อเครื่อง(ตุ๊กตุ๊ก) มีวิ่งบริเวณตลาด ตั้งแต่เวลา 06.00-24 น. ค่าบริการจะแพงกว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง ประมาณ 10 - 20 บาท
4.รถสามล้อถีบ
มีวิ่งบริการทั่วไปในตลาด ตั้งแต่เวลา 08.00 - 20.00 น. นั่งได้ไม่เกินสองคนตัวอย่างราคาเหมา ไป สถานที่ท่องเที่ยวมีดังนี้
- สุสานทหารสัมพันธมิตร (ดอนรัก)  50-60 บาท
- สะพานข้ามแม่น้ำแคว 80-100 บาท
5.เหมารถ
มีรถสองแถวและรถกระบะให้เช่าเหมาพร้อมคนขับและน้ำมันรถ บริเวณสถานนีขนส่ง จ. กาญจนบุรี 
(นั่งได้ 8- 10 คน) ค่าบริการมีดังนี้
- สุสานทหารสัมพันธ์มิตร (ดอนรัก)   30 บาท
- สะพานข้ามแม่น้ำแคว 50 บาท
- ลาดหญ้า 100 บาท
- เที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในตัวประมาณ 5-8 แห่ง ราคา 500 - 700 บาท หรือวันละ 1000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถเหมาไปเที่ยวต่างอำเภอ ค่าบริการดังนี้
- ปราสาทเมืองสิงห์ 180 บาท
- บ้านเก่า 200 บาท
- อ.ท่าม่วง 100 บาท
- อ. พนมทวน 150 บาท
- น้ำตกไทรโยคน้อย 400 บาท
- น้ำตกไทรโยคใหญ่ 600 บาท
- น้ำตกเอราวัณ 400 บาท
- อ.ทองผาภูมิ 800 บาท (เหมาเที่ยว วันละ 1.500 บาท)
- อ.สังขละบุรี 1.500 บาท (เหมาเที่ยววันละ 2.000 บาท)
- เที่ยวในเขต อ. ศรีสวัสดิ์ น้ำตกเอราวัณ เขื่อนศรีนครินทร์ ราคา 1.00 บาท
- เที่ยวน้ำตกไทรโยคใหญ่ ไทรโยคน้อย บ้านเก่า ปราสาทเมืองสิงห์ 10500 บาท 

นอกจากนี้ในเมืองยังมีเรือและแพทั้งหมดให้บริการนำเที่ยวไปตามลำน้ำแควใหญ่และ แควน้อยราคาไม่แพง มี สอง แห่ง คือ
- หน้าหัวเมือง เรือและแพทั้งหมดจากบริเวณนี้ล่องไปตามลำน้ำแควน้อย
- สะพานแมน้ำแคว จากจุดนี้นักท่องเที่ยวจะได้ล่องแม่น้ำแควและแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวริมน้ำซึ้งอยู่ไม่ห่างจาก สะพานข้ามแม่น้ำ แควมาก นัก

แผนที่

บทวิจารณ์

Login For Reviews

แสดงความคิดเห็น

หัวข้อ
อ่านรีวิวโดย
วันที่
Tag
Browse Icon ขนาดภาพ 250 x 250 px